3 บ่วง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และ การมีภูมิคุ้มกันที่ดี
2 เงื่อน เงื่อนในที่นี้ หมายถึงเงื่อนไข คือ
1. รอบคอบ รอบรู้ ระมัดระวัง
2. ตระหนักในคุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริต มีความอดทน พากเพียร และ ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้แนวทางการดำรงชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทต่อการกำหนดอุดมการณ์การพัฒนาของประเทศ โดยปัญญาชนในสังคมไทยหลายท่านได้ร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี, ศ.เสน่ห์ จามริก, ศ.อภิชัย พันธเสน, และศ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา โดยเชื่อมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งเคยถูกเสนอมาก่อนหน้าโดยองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวนหนึ่งนับตั้งแต่พุทธทศวรรษ 2520 และได้ช่วยให้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคมไทย
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาอื่น ๆ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9 และได้จัดทำเป็นบทความเรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" และได้นำความกราบบังคลทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2542 โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทานและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูเป็นอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน โดยมีนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกัน บางสื่อได้มีการตั้งคำถามถึงการยกย่องขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งความน่าเชื่อถือของรายงานศึกษาและท่าทีขององค์การ
1. ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงอธิบายความหมายของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในกระแสพระราชดำรัสกั้บพสกนิกรชาวไทยว่า “......แบบพอมีพอกินนั้นหมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้มีพอเพียงกับตนเอง.....”
“.....เศรษฐกิจพอเพียง ฝรั่งเรียก Self-Sufficiency Economy เศรษฐกิจแบบพอเพียงกับตนเอง เราก็อยู่ไม่เดือดร้อน....” (ธันวาคม พ.ศ.2540)
“........ให้พอเพียงนี้ก็หมายความว่ามีกินมีอยู่ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้แต่ว่าพอ แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย แต่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ก็สมควรจะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ อันนี้ก็ความหมายอีกอย่างหนึ่งของเศรษฐกิจหรือระบบพอเพียง.....”
“.......แต่ความจรืงแล้วเศรษฐกิจพอเพียงนี้ กว้างขวางว่า Self-Sufficiency คือ Self-Sufficiency นั้นหมายความว่า ผลิตอะไรที่พอที่จะใช้ ไม่ต้องไปซื้อจากคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง.....”
“......มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่าพอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ....”
“.....ฉะนั้นความพอเพียงนี้ก็แปลว่าพอประมาณ และมีความมีเหตุมีผล.....”
“.....แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจพอเพียงนี้ขอย้ำว่าเป็นเศรษฐกิจหรือความประพฤติที่ทำอะไรเพื่อให้เกิดผล โดยมีเหตุและผล คือเกิดผลนั้นมาจากเหตุ ถ้าทำเหตุที่ดี ถ้าคิดให้ดีผลที่ออกมาคือสิ่ งที่ติดตามเหตุ การกระทำก็อาจเป็นการกระทำที่ดี ดีแปลว่ามีประสิทธิผล ดีแปลว่าทำให้มีความสุข....”
“......เศรษฐกิจพอเพียงได้ย้ำและแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Self-Sufficiency Economy ใครต่อใครต่อว่าว่าไม่มี Sufficiency Economic แต่เป็นคำใหม่ของเราก็ได้ คือหมายความว่าประหยัด แต่ไม่ใช่ขี้เหียว ทำอะไรมีความอะลุ้มอล่วยกัน ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล จะเป็นเศรษฐกิจพอเพียง แล้วทุกคนจะมีความสุข....”
กล่าวโดยสรุป เศรษฐกิจหมายถึง ความสามารถของชุมชน เมือง รัฐ ประเทศ หรือภูมิภาคในการผลิต บริโภค แลกเปลี่ยน จำแนกแจกจ่าย จัดสรรผลตอบแทนแก่เจ้าของปัจจัยการผลิต เพื่อการดำรงชีพของสังคมนั้น โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยจากภายนอก
สำหรับความหมายในระดับบุคคล คือ ความสามารถในการดำรงชีพอย่างไม่เดือดร้อนมีความเป็นอยู่ตามอัตภาพ เสรีภาพ และไม่อ่อนไหวไปตามกระแสวัตถุนิยม ที่สำคัญคือให้ยึดเส้นทางสายกลางในการดำรงชีวิต
2.ความเป็นมาของเศรษฐกิจพอเพียง
ทฤษฎีใหม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้อยู่หัวได้ทรงพระราชทานแนวความคิดเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นระยะเวลายาวนานเกือบ 30 ปีมาแล้ว โดยในช่วงต้นมิได้ใช้คำว่า เศรษฐกิจ นำหน้าแต่อย่างไร หากแต่ได้ทรงมีพระราชดำรัสเน้นคำว่า พอ หรือ พอมีพอกิน และคำว่า พอเพียง มาโดยตลอด ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงหว่งใยในชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรชาวไทยโดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศที่ประสบปัญหาความยากจน อดยาก ขาดแคลน ทำนาทำไร่ไม่ได้ผล
พระองค์ได้ทรงศึกษา ค้นคว้า ทดลองเกี่ยวกับงานทางด้านการเกษตรด้วยพระองค์เอง และได้ทรงพบว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันประชาชนมีปัญหาหลักที่สำคัญคือขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่เกษตรที่อาศัยน้ำฝนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทำนาข้าวและพืชได้เพียงครั้งเดียวในฤดูฝนเท่านั้น อีกทั้งยังขาดแคลนน้ำในระยะฝนทิ้งช่วง แม้จะขุดบ่อหรือสระเก็บน้ำก็ยังมีปัญหาน้ำไม่พอใช้ และระบบการปลูกพืชไร่ส่วนใหญ่จะปลูกพืชชนิดเดียว พระองค์จึงทรงมีพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ
พระราชดำริดังกล่าวก่อให้เกิด ทฤษฎีใหม่ ซึ่งถือเป็นหลักในการบริหาร การจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรกรรมที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงถือว่าตนแบบทฤษฎีใหม่คือโครงการพัมนาที่วัดมงคลชัยพัฒนา ตำบลห้วยบง และตำบลเขาดินพัฒนา อำเภอเมือง (ปัจจุบันคืออำเภอเฉลิมพระเกียรติ) จังหวัดสระบุรี
การเกษตรกรรมตามแนวทฤษฎีใหม่จะจัดสรรพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30:30:30:10 โดยพื้นที่ส่วนที่ 1 ประมาณร้อยละ 30 ขุดสระเก็บกักน้ำในฤดูฝนและเสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง พื้นที่ส่วนที่ 2 ประมาณร้อยละ 30 ใช้ปลูกข้าวในฤดูฝน พื้นที่ส่วนที่ 3 ประมาณร้อยละ 30 ใช้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก สมุนไพร เพื่อใช้ประจำวันและจำหน่าย พื้นที่ส่วนที่ 4 ประมาณร้อยละ 10 ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ และโรงเรือนอื่น ๆ ซึ่งการดำเนินการตาม ทฤษฎีใหม่ เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะทำให้ประชาชนมีกินตามอัตภาพ สามารถเลี้ยงตนเองได้
ความเป็นมา
ประมาณกลางปี พ.ศ.2540 ได้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งสำคัญในประเทศไทย โดยมีสาเหตุจากการชะลอตัวของการส่งออก ซึ่งเป็นแหล่งรายได้เงินตราต่างประเทศที่สำคัญ ประสบปัญหาการกีดกันการนำเข้าจากต่างประเทศ หลักทรัพย์ที่ค้ำประกันเงินกู้ของสถาบันการเงินต่างๆ ไม่มั่นคงพอ ขณะที่ยังคงปล่อยเงินกู้ ทำให้ขาดความเชือมั่นในสถาบันการเงินและความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ของประเทศ ส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของนักลงทุนในต่างประเทศ มีการไหลออกของเงินทุนระยะสั้นอย่างรวดเร็ว ระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศจึงขาดเสถียรภาพและเข้าสู่วิกฤตในที่สุด
วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศดังกล่าว ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจที่เคยขยายตัวก่อนหน้านี้มีการหดตัวอย่างรุนแรง โครงสร้างระบบสถาบันการเงินประสบกับความอ่อนแอ และไม่สามารถดำเนินการตามกลไกอย่างปกติ ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สร้างความอ่อนแอต่อระบบสถาบันการเงิน และทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา ได้แก่ การว่างงานและคนยากจนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้หนี้สาธารณะของประเทศก็เพิ่มขึ้นด้วย
ภายหลังจากเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชดำรัสครั้งแรก เพื่อชี้แนะแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ให้ประเทศชาติและประชาชนรอดพ้นจากความเดือดร้อนโดยทรงเพิ่มคำว่า “เศรษฐกิจ” เข้าไป จากเดิมที่ทรงใช้คำว่า พอเพียง อยู่แล้วจึงเป็นที่มาของคำว่า เศรษฐกิจพอเพียง นี้เป็นปรัชญาที่ชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่ครัวเรือน ชุมชน จนถึงรัฐในการบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อยุคโลกาวิวัฒน์ และในส่วนของแต่ละบุคคลที่จะดำรงชีพอย่างไม่อดอยากขาดแคลน
3. องค์ประกอบของเศรษฐกิจพอเพียง
1. เศรษฐกิจแบบพอเพียงเป็นระบบเศรษฐกิจที่ยึดถือหลัก งานเป็นที่พึ่งแห่งตน โดยมุ่งมั่น การผลิตพืชผลให้เพีงพอแก่ความต้องการในการบริโภคในครัวเรือนเป็นอันดับแรก เมื่อเหลือจากการบริโภคจึงผลิตเพือการค้าเป็นอันดับรองลงไป
2. เศรษฐกิจแบบพอเพียงให้ความสำคัญกบ การรวมกลุ่ม ของชาวบ้าน กลุ่มชาวบ้าน หรือ องค์กรชาวบ้านทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ให้หลากหลายครอบคลุมทั้งการเกษตรแบบผสมผสาน หัตถกรรม การแปรรูป อาหาร การทำธุรกิจค้าขาย และการท่องเที่ยวระดับชุมชน ฯลฯ
3. เศรษฐกิจพอเพียงตั้งอยู่บนพื้นฐานของ ความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และความ สามัคคี ของสมาชิกในชุมชนในการร่วมแรงร่วมใจเพื่อประกอบอาชีพต่างๆ ให้บรรลุผลสำเร็จ ประโยชน์ที่เกิดขึ้น จึงไม่ได้หมายถึงรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถืงประโยชน์อย่างอื่นด้วย ได้แก่ ความมั่นคงของสถาบันครอบครัว สถาบันชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของชุมชนบนพื้นฐานของภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทย
4. การประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน
วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เกิดในปี 2540 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ผลกระทบจะไม่รุนแรงมากนัก หากได้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยยึดถือหลักความพอดีกับศักยภาพองตนเองบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง รวมทั้งมีความเอื้ออาทรต่อบุคคลอื่นเป็นสำคัญ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นอกจากจะทรงชี้แนะเรื่อเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยเกษตรกรจะดำรงชีพอย่างไม่อดอยาก ซึ่งจะต้องสร้างรากฐานของขน บทให้แข็งแรงเพียงพอที่สามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว พระองค์ยังพระราชทานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงสำหรับเกษตรกรด้วย ซึ่งสรุปหลักการพื้นฐานได้ ดงนี้
ขั้นที่ 1 มีความพอเพียง เลี้ยงตนเองได้บนพื้นฐานของความประหยัด
ขั้นที้ 2 รวมพลังในรูปกลุ่ม เพื่อทำการผลิต การตลาด การจัดการ รวมทั้งสวัสดิการ การศึกษา และการพัฒนาสังคม
ขั้นที่ 3 สร้างเครือข่ายกลุ่มอาชีพ และขยายกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้หลากหลาย เช่น เงินทุน การตลาด
การผลิตการจัดการโดยประสานความร่วมมือภาคต่างๆ ได้แก่ ภาคธุรกิจ องค์กรพัฒนาเอกชนและภาคราชการ
แนวทางการดำรงชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง ในระดับบุคคลคือ ความสามารถในการดำรงชีวิตได้อย่างไม่เดือดร้อน มีความเป็นอยู่อย่างประมาณตนตามฐานะอัตภาพ โดยไม่หลงไหลไปตามกระแสวัตถุนิม กล่าวโดยสรุปคือ การยึดทางสายกลางในการดำรงชีวิต โดยสามารถพิจารณาเป็นหลักการดังนี้
1.) พิจารณาความพอเพียง พออยู่ และพอกินพอใข้ในการดำเนินชีวิต
2.) ประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย โดยตัดทอนรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
3.) ประกอบอาชีพสุจริตเป็นสำคัญ
4.) ละเว้นการแก่งแย่งผลประโยชน์และการแข่งขันกันทางการค้า
5.) ขวนขวายใฝ่หาความรู้เพื่อใช้ประกอบอาชีพในการเพิ่มพูนรายได้จนถึงขั้นพอเพียงต่อการดำรงชีพ
5.) การยึดทางสายกลาง ไม่มากหรือน้อยเกินไป
6.) ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่บรรพบุรุษได้สั่งสมมาเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตให้เกิดประโยชน์ต่อครอบครัว และชุมชน
7.) ยึดถือวิถีชีวิตแบบไทย มีความเป็นอยู่เรียบง่ายและไม่ถือวัตถุเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวของชีวิต
8.) ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี และละอายต่อการประพฤติมิชอบ